Back to Schedule
Donate

บทคัดย่อจากข้อเขียนของปรมหังสา โยคานันทะ

ความรักประเสริฐสุดที่ท่านสามารถประสบได้คือการสนทนากับพระเจ้าในสมาธิ รักระหว่างวิญญาณกับบรมวิญญาณเป็นรักบริบูรณ์ เป็นรักที่ทุกคนแสวงหา เมื่อท่านปฏิบัติสมาธิ ความรักจะเบ่งบาน หัวใจของท่านจะสั่นพริ้วนับล้านครั้ง...ถ้าท่านทำสมาธิลึก ความรักจะมาสู่ท่านอย่างที่ลิ้นมนุษย์ไม่อาจพรรณนา ท่านจะรู้จักความรักแห่งสวรรค์ของพระองค์ แล้วท่านจะสามารถให้ความรักบริสุทธิ์นั้นแก่ผู้อื่นได้

flower

ถ้าท่านสามารถสัมผัสรักแห่งพระผู้เป็นเจ้าแม้เพียงธุลีเดียว ท่านจะปีติสุขอย่างเหลือล้น—จะท่วมท้น—จนไม่อาจเก็บเอาไว้ได้

flower

โลกทั้งโลกลืมความหมายแท้จริงของคำว่า รัก คำนี้ถูกมนุษย์ตรึงกางเขนและใช้อย่างผิดๆ จนน้อยคนนักที่รู้ว่ารักแท้คืออะไร ดุจเดียวกับที่น้ำมันมีทั่วในผลมะกอก ความรักซึมซ่านทุกส่วนของสิ่งสร้าง แต่การนิยามคำว่ารักนั้นยากนัก ด้วยเหตุผลเดียวกับที่ถ้อยคำไม่สามารถพรรณนารสของผลส้ม ท่านต้องลิ้มรสจึงจะรู้รสชาดของผลไม้นั้น ความรักก็เช่นกัน

flower

ในความหมายสากล ความรักเป็นทิพยอำนาจดึงดูดสิ่งสร้างให้กลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวที่รวมทุกสิ่งไว้ด้วยกัน ...ผู้ใช้ชีวิตปรับเข้ากับอำนาจดึงดูดของความรัก จะเข้าถึงความกลมกลืนกับธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์ และดึงดูดสู่การรวมกับพระเจ้าด้วยปีติสุข

flower

“ความรักของคนทั่วไปคือการเห็นแก่ตัว จมปลักมืดมนอยู่กับความใคร่และความพอใจ” [ศรียุกเตศวรกล่าว] “ความรักแห่งสวรรค์ไร้เงื่อนไข ไร้พรมแดน ไม่เปลี่ยนแปร เมื่อสัมผัสรักบริสุทธิ์ความหวั่นไหวในจิตมนุษย์จะหมดไป”

flower

ผู้คนมากมายพูดว่า “ฉันรักเธอ” วันนี้ พออีกวันกลับเลิกรัก นี่ไม่ใช่ความรัก ผู้ที่ใจเปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้าจะไม่จงใจทำให้ใครเจ็บปวด เมื่อท่านรักพระเจ้าอย่างหมดใจ พระองค์จะเติมเต็มหัวใจของท่านด้วยความรักไร้เงื่อนไขต่อผู้อื่น ความรักนั้นไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้...มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถรักคนอื่นเช่นนั้นได้ คนที่จิตสำนึกยึดติดกับ “ฉัน ของฉัน” เขายังไม่พบพระเจ้าผู้ทรงสถิตทั่วทั้งในตัวเขาเองและในตัวผู้อื่น สำหรับข้าพเจ้าแล้ว คนนี้กับคนนั้นไม่แตกต่างกัน ข้าพเจ้าเห็นทุกคนเป็นภาพสะท้อนวิญญาณของพระเจ้าองค์เดียวกัน ข้าพเจ้าไม่สามารถคิดว่าใครเป็นคนแปลกหน้าได้เลย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าเราล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเอกบรมวิญญาณ เมื่อท่านประสบกับความหมายแท้จริงของศาสนา ซึ่งคือการรู้จักพระเจ้า ท่านจะตระหนักว่าพระองค์คืออาตมันในตัวท่าน และพระองค์ดำรงอย่างเท่าเทียมในมนุษย์ทุกคน เมื่อนั้นท่านจะสามารถรักผู้อื่นในฐานะอาตมันของตน

flower

ในจิตสำนึกของผู้ที่เอิบอิ่มอยู่กับความรักของพระเจ้านั้น จะไร้ความหลอกลวง ไร้ความคับแคบของวรรณะหรือความเชื่อ ไร้พรมแดนทุกประการ เมื่อท่านประสบกับรักแห่งสวรรค์ท่านจะไม่เห็นความแตกต่างระหว่างดอกไม้กับสัตว์ร้าย ระหว่างมนุษย์คนหนึ่งกับมนุษย์อีกคน ท่านจะเข้าได้กับธรรมชาติทั้งปวง และท่านจะรักมนุษยชาติอย่างเท่าเทียม

flower

ความกรุณาต่อชีวิตทั้งปวงจำเป็นต่อการตระหนักรู้พระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงท่วมท้นด้วยคุณลักษณะนี้ ผู้ที่จิตใจอ่อนโยนรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา สัมผัสความทุกข์ของเขา และพยายามบรรเทาทุกข์นั้น

flower

การพัฒนาความรักบริสุทธิ์ไร้เงื่อนไขระหว่างสามีกับภรรยา พ่อแม่กับลูก เพื่อนกับเพื่อน ตัวตนของเรากับตัวตนอื่นๆ เป็นบทเรียนที่เรามาสู่โลกนี้เพื่อเรียนรู้

flower

การหวังให้คนที่รักมีความสมบูรณ์ และความรู้สึกเป็นสุขอย่างบริสุทธิ์ใจเมื่อคิดถึงวิญญาณนั้น เป็นความรักแห่งสวรรค์ และนั่นคือความรักของมิตรแท้

flower

ความรักแห่งพระเจ้า ความรักแห่งบรมวิญญาณเป็นความรักที่ครอบคลุม เมื่อท่านมีประสบการณ์กับความรักเช่นนี้ มันจะนำท่านเข้าสู่แดนนิรันดร์ไปเรื่อยๆ ความรักนี้จะไม่มีวันพรากไปจากใจได้ มันจะโชติโชนอยู่ที่นั่น และในไฟรักนี้ท่านจะค้นพบแรงดึงดูดแห่งบรมวิญญาณที่จะดูดดึงคนอื่นๆ มาสู่ท่าน และดูดดึงสิ่งใดก็ตามที่จำเป็นต่อท่าน หรือสิ่งที่ท่านปรารถนาอย่างแท้จริง

ข้าพเจ้าขอบอกท่านตามความจริงว่า ทุกคำถามของข้าพเจ้าได้รับคำตอบ มิใช่โดยมนุษย์แต่โดยพระเจ้า โดยพระองค์ พระองค์อย่างแน่แท้ พลังวิญญาณของพระองค์ตรัสกับท่านผ่านข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพูดแต่ความรักของพระองค์ ตื่นเต้นไม่รู้จบ! ความรักของพระองค์มาสู่วิญญาณเหมือนสายลมอ่อนโยน ทั้งวันทั้งคืน สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ปีแล้วปีเล่า เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ —ท่านไม่รู้หรอกว่าจะไปสิ้นสุด ณ ที่ใด และนั่นคือสิ่งที่ท่านทุกคนกำลังแสวงหา ท่านคิดว่าท่านต้องการความรักจากมนุษย์และความร่ำรวย แต่เบื้องหลังคือพระบิดากำลังเรียกหาท่าน ถ้าท่านตระหนักว่าพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าบำเหน็จทั้งหลายที่ประทานให้ ท่านจะได้พบพระองค์

flower

คนที่เรารักสัญญาว่าจะรักเราตลอดไป แต่พอพวกเขาหลับในความหลับอันยิ่งใหญ่ ความทรงจำถึงโลกนี้ก็ถูกตัดขาดลง คำสัญญานั้นจะมีค่าอะไร? ใครล่ะที่รักเรานิรันดร์โดยไม่พูดสักคำ? ใครล่ะที่จดจำเราเมื่อคนอื่นลืมเลือน? ใครล่ะที่ยังอยู่กับเราเมื่อเราละไปจากมวลมิตรในโลกนี้? มีก็แต่พระเจ้าเท่านั้น!

flower

องค์พระผู้เป็นเจ้ากระซิบเงียบๆ กับท่านตลอดเวลา:

“...เรารักเจ้าเสมอโดยไร้คำพูด เราเท่านั้นที่จะพูดได้จริงๆ ว่า ‘เรารักเจ้า’ เพราะเรารักเจ้าก่อนเจ้าเกิด รักของเราให้ชีวิตแก่เจ้า หล่อเลี้ยงเจ้ามาแม้จนถึงนาทีนี้ และเราเท่านั้นที่จะรักเจ้าเมื่อประตูความตายขังเจ้าไว้ อย่างที่ไม่มีใครแม้คนที่รักเจ้าที่สุดจะเข้าถึงได้”

flower

ความรักหวานที่สุดที่ท่านจะมีได้คือรักหวานล้ำของพระเจ้า ความรักของมนุษย์ไม่นานก็หมดไป ทว่าความรักกับพระเจ้านั้นนิรันดร์ อย่าให้วันไหนผ่านไปโดยไม่เห็นพระองค์ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเขียนไว้ว่า

“ข้าเวียนเกิดเวียนตายมากี่ครั้ง มิหยุดยั้งเอ่ยพระนามอยู่อึงมี่

เสาะหาองค์ทุกแห่ง แม้แอ่งนที— ของความหวังความฝันที่จะพบพลัน”*

ข้าพเจ้าทูลพระองค์เสมอว่า ต้องโทษพระองค์ที่ส่งข้าพเจ้ามา แต่อนิจจา สุดท้ายข้าพเจ้าได้ตระหนักว่า มายาชีวิตทั้งหลายนั่นเองทำให้ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์มากขึ้น ทำให้ข้าพเจ้าตื่นตัวที่จะแสวงหาพระองค์ พระองค์ผู้ทรงเป็นพระบิดาเบื้องหลังบิดาทั้งปวง พระมารดาเบื้องหลังมารดาทั้งปวง คนรักเบื้องหลังคนรักทั้งปวง คือผู้ที่ข้าพเจ้าจะแสวงหาทุกชาติไป พระองค์ทรงเป็นคู่รักและมอบความรักให้วิญญาณของเรา และเมื่อวิญญาณได้พบคู่รักยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล ความรักนิรันดร์ก็เริ่มขึ้น สุดท้ายแล้วความรักที่ท่านกำลังแสวงหาในตัวมนุษย์มาตลอดทุกชาติก็จะเป็นของท่าน และท่านจะไม่ต้องการสิ่งใดอีกเลย


*“โทมนัสแห่งรัก” ใน คีตาแห่งวิญญาณ